ยาพาราเซตามอล 500 มก. 100 เม็ด บรรเทาอาการปวด ลดไข้
฿48.00
- รายละเอียดเพิ่มเติม
- ข้อมูลเพิ่มเติม
- บทวิจารณ์ (0)
รายละเอียดเพิ่มเติม
สรรพคุณของยาพาราเซตามอล
- ใช้เป็นยาลดไข้ แก้ตัวร้อน (Fever)
- ใช้เป็นยาแก้อาการปวดทุกชนิดในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง (Pain) เช่น ปวดศีรษะ (เช่น ปวดจากความเครียด หรือไมเกรน), ปวดประสาท (Neuralgia), ปวดฟัน, ปวดหลัง, ปวดกล้ามเนื้อ, เคล็ดขัดยอก, ปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ, ปวดหลังจากการผ่าตัด, ปวดเนื่องจากโรคข้อเข่าหรือข้อสะโพกเสื่อม, รวมทั้งอาการปวดที่เกิดจากโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น แต่ยานี้ไม่ช่วยลดการอักเสบของร่างกายได้ เช่น การอักเสบจากการถูกกระแทกฟกช้ำ อาการบวมและร้อนแดงเนื่องจากข้ออักเสบ เป็นต้น
- ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่น ๆ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
วิธีใช้ยาพาราเซตามอล
-
- ในผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ให้รับประทานยาพาราเซตามอลครั้งละ 325-1,000 มิลลิกรัม และให้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง เฉพาะเมื่อมีอาการปวดหรือมีไข้ (สูงสุดไม่เกินครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม และไม่เกินวันละ 4,000 มิลลิกรัม)
- สำหรับยาเม็ดขนาด 325 มิลลิกรัม ถ้าผู้ใช้มีน้ำหนักตัว 22-33 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 1 เม็ด, น้ำหนักตัว 34-44 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 1 ½ เม็ด และถ้ามีน้ำหนักตัว 45 กิโลกรัมขึ้นไป ให้รับประทานยาครั้งละ 2 เม็ด
- สำหรับยาเม็ดขนาด 500 มิลลิกรัม ถ้าผู้ใช้มีน้ำหนักตัว 34-50 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 1 เม็ด, น้ำหนักตัว 51-67 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 1 ½ เม็ด และถ้ามีน้ำหนักตัว 68 กิโลกรัมขึ้นไป ให้รับประทานยาครั้งละ 2 เม็ด
- สำหรับยาเม็ดขนาด 650 มิลลิกรัม เฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 44 กิโลกรัมขึ้นไป ให้รับประทานยาครั้งละ 1 เม็ด
- ในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปี ให้รับประทานยาครั้งละ 10-15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และให้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมงเมื่อมีอาการ (สูงสุดไม่เกินวันละ 5 ครั้ง) หรือให้ตามน้ำหนักตัวหรืออายุ ดังนี้
- เด็กอายุ 0-3 เดือน หรือมีน้ำหนักตัว 2.7-5.3 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 40 มิลลิกรัม (1.7 มิลลิลิตร) และให้ซ้ำได้ทุก 4 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกินวันละ 5 ครั้ง)
- เด็กอายุ 4-11 เดือน หรือมีน้ำหนักตัว 5.4-8.1 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 80 มิลลิกรัม (3.4 มิลลิลิตร) และให้ซ้ำได้ทุก 4 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกินวันละ 5 ครั้ง)
- เด็กอายุ 12-23 เดือน หรือมีน้ำหนักตัว 8.2-10.8 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 120 มิลลิกรัม (5 มิลลิลิตร หรือ 1 ช้อนชา) และให้ซ้ำได้ทุก 4 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกินวันละ 5 ครั้ง)
- เด็กอายุ 2-3 ปี หรือมีน้ำหนักตัว 10.9-16.3 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 160 มิลลิกรัม (6.7 มิลลิลิตร) และให้ซ้ำได้ทุก 4 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกินวันละ 5 ครั้ง)
- เด็กอายุ 4-5 ปี หรือมีน้ำหนักตัว 16.4-21.7 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 240 มิลลิกรัม (10 มิลลิลิตร หรือ 2 ช้อนชา) และให้ซ้ำได้ทุก 4 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกินวันละ 5 ครั้ง)
- เด็กอายุ 6-8 ปี หรือมีน้ำหนักตัว 21.8-27.2 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 320 มิลลิกรัม (หรือรับประทานยาเม็ดขนาด 325 มิลลิกรัม 1 เม็ด) และให้ซ้ำได้ทุก 4 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกินวันละ 5 ครั้ง)
- เด็กอายุ 9-10 ปี หรือมีน้ำหนักตัว 27.3-32.6 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 400 มิลลิกรัม และให้ซ้ำได้ทุก 4 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกินวันละ 5 ครั้ง)
- เด็กอายุ 11-12 ปี หรือมีน้ำหนักตัว 32.7-43.2 กิโลกรัม ให้รับประทานยาครั้งละ 480 มิลลิกรัม และให้ซ้ำได้ทุก 4 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกินวันละ 5 ครั้ง)
- ในผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ให้รับประทานยาพาราเซตามอลครั้งละ 325-1,000 มิลลิกรัม และให้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง เฉพาะเมื่อมีอาการปวดหรือมีไข้ (สูงสุดไม่เกินครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม และไม่เกินวันละ 4,000 มิลลิกรัม)
คำแนะนำในการใช้ยาพาราเซตามอล
- แม้ยาพาราเซตามอลจะเป็นยาสามัญประจำบ้าน แต่ก็ไม่ควรใช้ยานี้อย่างพร่ำเพรื่อ (โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง) ผู้ป่วยควรใช้ยานี้เฉพาะเวลาที่มีอาการเท่านั้น ถ้าไม่หายหรืออาการยังไม่ทุเลาลงให้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง หรือใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุไว้บนฉลากยาหรือตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ยาในขนาดที่น้อยกว่าหรือมากกว่าที่ระบุไว้ หรือใช้ยาบ่อยกว่าที่แพทย์สั่งให้ใช้ เพราะอาจทำให้เป็นอันตรายต่อตับได้
- ยานี้สามารถรับประทานได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร (อาหารไม่มีผลต่อการดูดซึมของยา) แต่ควรรับประทานเหมือนกันและรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกครั้ง และควรดื่มน้ำตาม 1 แก้ว (250 มิลลิลิตร) หลังรับประทานยา
- ในเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี ควรใช้ยาพาราเซตามอลชนิดน้ำเชื่อมสำหรับเด็ก
- สำหรับยาน้ำและยาน้ำแขวนตะกอน ควรใช้ภาชนะหรือเครื่องตวงที่ให้มากับยาในการตวงปริมาตรยา และไม่ควรผสมยานี้กับนมหรืออาหารสำหรับเด็ก (ยาน้ำแขวนตะกอนควรเขย่าขวดก่อนการใช้แต่ละครั้งเสมอ)
- เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยาให้ปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ในเด็กทารกและเด็กเล็ก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชก่อนใช้ยานี้
- ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่ควรรับประทานยานี้เกินวันละ 1,200 มิลลิกรัม
- ในเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี ไม่ควรรับประทานยาเกินครั้งละ 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อครั้ง และขนาดยาสูงสุดต่อวันไม่ควรเกิน 2,600 มิลลิกรัม
- ในผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี ไม่ควรรับประทานยาเกินครั้งละ 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อครั้ง และขนาดยาสูงสุดต่อวันไม่ควรเกิน 4,000 มิลลิกรัม (ขนาดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม ไม่เกิน 8 เม็ด)
- สำหรับเด็กห้ามรับประทานยานี้ติดต่อกันเกิน 3-5 วัน ส่วนในผู้ใหญ่ห้ามรับประทานยานี้ติดต่อกันเกิน 5-10 วัน[4] (หากจำเป็นต้องใช้นานกว่านี้ต้องปรึกษาแพทย์[6])
- ขนาดการใช้ยาดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำสั่งการใช้ยาของแพทย์หรือเภสัชกรได้ อีกทั้งขนาดการใช้ยาพาราเซตามอลก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับโรคต่าง ๆ ของผู้ป่วยด้วย เช่น ถ้าผู้ป่วยมีโรคตับและ/หรือโรคไต แพทย์จะให้ปรับลดขนาดยาที่รับประทานลงเพื่อความปลอดภัย เป็นต้น
- ในระหว่างการใช้ยาพาราเซตามอลควรงดการสูบบุหรี่ เพราะสารไฮโดรคาร์บอนในบุหรี่อาจลดฤทธิ์ของยาพาราเซตามอลลงได้
- ในกรณีที่ผู้ป่วยใช้ยาอยู่หลายขนาน ให้ตรวจสอบชื่อสามัญทางยาว่ามีส่วนผสมของยาพาราเซตามอล (Paracetamol) อยู่ในยาแต่ละขนานซ้ำซ้อนกันหรือไม่ เพราะในปัจจุบันนี้มียาหลายชนิดที่มีส่วนผสมของยาพาราเซตามอลแฝงอยู่ โดยเฉพาะยาสูตรผสมแก้ปวด เช่น นอร์จีสิก (Norgesic), ไทลีนอล วิท โคเดอีน (Tylenol with codeine), อัลตราเซต (Ultracet) เป็นต้น และยาสูตรผสมแก้หวัด เช่น อาปราคัวร์ (Apracur), ดีคอลเจน (Decolgen), ฟาร์โคลด์ (Pharcold), ทิฟฟี่ (Tiffy) เป็นต้น ซึ่งการได้รับยาเหล่านี้ซ้ำซ้อนกันหลายชนิดอาจเป็นเหตุให้ร่างกายได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาดโดยไม่ตั้งใจได้ และหากไม่แน่ใจในขนาดยารวมของพาราเซตามอล ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- เมื่อรับประทานยาพาราเซตามอลแล้วมีไข้สูง (อุณหภูมิสูงกว่า 39.5 องศาเซลเซียส) หรือเมื่อมีไข้ต่อเนื่องนานกว่า 3 วัน หรือเมื่อมีไข้เป็น ๆ หาย ๆ หรืออาการปวดยังไม่ดีขึ้นภายใน 10 วันในผู้ใหญ่ หรือ 5 วันในเด็ก ให้รีบไปพบแพทย์[8] (ส่วนอีกข้อมูลระบุว่า ถ้าอาการยังไม่ทุเลาลงภายใน 1-2 วันหลังการรับประทานยา ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องต่อไป)
- หากรับประทานยาแล้วเกิดอาการเหล่านี้ ต้องหยุดใช้ยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที เช่น เป็นลมพิษ มีอาการบวมที่ใบหน้า เปลือกตา ริมฝีปาก, หน้ามืด เป็นลม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก, มีผื่นแดง ตุ่มพอง ผิวหนังหลุดลอก, มีจ้ำตามผิวหนัง เลือดออกผิดปกติ เหนื่อยง่าย เป็นหวัดได้ง่าย
- หากจำเป็นต้องรับประทานยานี้อย่างต่อเนื่องแล้วเกิดอาการเหล่านี้ ต้องหยุดใช้ยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องอืด ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้มขึ้น
- ในกรณีที่รับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาดมาก ๆ ถ้าพบในระยะ 3-4 ชั่วโมงหลังรับประทานยา ควรรีบทำให้อาเจียนทันที โดยการใช้นิ้วล้วงเข้าไปเขี่ยผนังลำคอ หรือรับประทานยาน้ำเชื่อมไอพีแคก (Syrup of Ipecac) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการอาเจียน
ข้อมูลเพิ่มเติม
น้ำหนัก | 0.2 kg |
---|
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์